Spotlight

พรหมลิขิต” ที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ของ สงกรานต์ อิสสระ

เปิดบทสัมภาษณ์เรื่องราวความรัก ต้อนรับเทศกาลวาเลนไทน์ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ของดีเวล็อปเปอร์ รุ่นใหญ่ ชั้นแนวหน้าของเมืองไทยอย่าง คุณสงกรานต์ อิสสระ


“ผมว่ามันเป็นเหมือนพรหมลิขิต ที่เจอแล้วใช่ เจอแล้วถูกใจและกว่าจะหากันจนเจอ บางคนอยู่ห่างกันคนละซีกโลก แต่ก็หากันเจอได้อย่างไร มันจึงเป็นเหมือนพรหมลิขิตที่ถูกกำหนดไว้กว่า 70% และอีก 30% คือความพยายามของเราเอง ผมเชื่ออย่างนั้น”

ประโยคเปิดบทสนทนาระหว่างทีม Issara Life Blog ที่มีโอกาสได้สัมภาษณ์เรื่องราวความรัก  ต้อนรับเทศกาลวาเลนไทน์ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ของดีเวล็อปเปอร์ รุ่นใหญ่ ชั้นแนวหน้าของเมืองไทยอย่าง คุณสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้เล่าเรื่องราวความรักที่มีต่อ คุณศรีวรา อิสสระ ภรรยาผู้เป็นที่รัก ย้อนไปกว่า 50 ปีว่า….

หลังจากจบไฮสกูลปี 1 ที่อเมริกา ผมได้กลับมาเมืองไทยช่วงปิดภาคเรียน แล้วไปเล่นกีฬา ที่ Sports Club เห็นสาวคนหนึ่งกำลังตีปิงปองอยู่ รู้สึกถูกใจเลยแต่ไม่กล้าเข้าไปทำความรู้จัก จนเข้ามหาวิทยาลัยปีหนึ่ง ตอนกลับมาเยี่ยมบ้าน น้องสาวเลยชวนไป Sports Club เพื่อไปดูสาวสวยคนหนึ่งซึ่งจะขับรถโตโยต้าสีมัสตาร์ดมาเล่นกีฬา น้องบอกว่าพี่เห็นแล้วต้องชอบแน่ๆ ผมก็เลยไปด้อมๆมองๆ คอยดูเธอ พอถึงเวลารถคันนั้นก็แล่นเข้ามาตรงเวลา พอได้เห็นก็จำได้ทันทีว่าเป็นสาวคนที่ผมแอบติดใจเมื่อ 3 ปีก่อน นั่นเป็นการพบกันจริงๆ ครั้งแรกของผมและคุณศรีวรา เมื่อน้องแนะนำให้รู้จักกันแล้ว เราก็ชวนกันเล่นกีฬา เรามีเพื่อนๆเป็นกลุ่มเดียวกัน คุณพ่อคุณแม่ก็รู้จักกัน มีโอกาสไปปาร์ตี้ที่บ้านของแต่ละฝ่ายอยู่บ่อยครั้ง จนถึงเวลาที่ผมต้องกลับไปเรียนต่อที่อเมริกา…


คุณสงกรานต์ตั้งใจจะเรียนเศรษฐศาสตร์ ซึ่งในขณะนั้นคุณศรีวราได้เข้าเป็นนักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้ว ก่อนกลับไปเรียนต่อที่อเมริกา คุณสงกรานต์จึงลงทุนไปเรียนพิเศษที่ธรรมศาสตร์ เพื่อหวังจะได้เจอกับคุณศรีวราและสานสัมพันธ์ต่อ คุณสงกรานต์เล่าปนขำว่า…. การไปจีบสาวธรรมศาสตร์เป็นอะไรที่เสี่ยงมาก เข้าไปในถิ่นเขา ดีไม่ดีอาจถูกรุมสกัมก็เป็นได้ แต่โชคดีที่ยังอยู่รอดปลอดภัย….

เมื่อเรียนจบปริญญาตรีแล้ว คุณสงกรานต์เตรียมตัวจะกลับมาทำงานที่เมืองไทย แต่เมื่อรู้ว่าคุณศรีวราจะไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา จึงต้องเปลี่ยนใจ ตามสาวไปเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน และหลังจากเรียนจบแล้วก็กลับมาทำงานที่ซิตี้แบงค์ ส่วนคุณศรีวราทำงานที่เชลล์ อีกปีสองปีหลังจากนั้นจึงได้แต่งงานกัน


คุณสงกรานต์เล่าถึงความประทับใจที่มีต่อคุณศรีวราช่วงระหว่างที่ได้มีโอกาสคบกันว่า นอกจาก คุณศรีวราจะเป็นคนที่เห็นปุ๊บแล้วถูกชะตา ใช่เลย สวยและน่ารักแล้ว (แต่ก็แอบคิดในใจว่าไม่รู้เขาจะใช่กับเราหรือเปล่า) ยังเป็นคนที่เรียนเก่ง ตั้งใจเรียน ระหว่างอยู่ในคลาสก็จดโน้ตเก่ง เพราะฉะนั้นเวลาสอบก็เพียงแต่อ่านจากโน้ตที่จดไว้เท่านั้นและคะแนนก็ออกมาดีด้วย หลังจากแต่งงานกันแล้ว เมื่อถามว่าต้องปรับตัวเข้าหากันหรือไม่ คุณสงกรานต์ตอบทันทีว่า เราแทบไม่ต้องปรับตัวอะไรเลย นั่นเป็นเพราะเรารู้จักคบหากันมานานหลายปี ต่างก็เป็นตัวของตัวเอง เป็นเสมือนเพื่อนที่สนิทที่สุดของกันและกันด้วย

คุณศรีวราเป็นแม่ศรีเรือนที่ดี ดูแลทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอย่างดี จัดบ้านเก่ง แต่งบ้านน่าอยู่ การซื้อของเข้าบ้านก็เป็นคนที่เทสต์ดี ซื้อของราคาไม่แพง ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่จำเป็นต้องเป็นแบรนด์เนม เราจึงแทบจะไม่มีปัญหาอะไรกันเลย และที่สำคัญเป็นคนมีเหตุมีผล ซึ่งก็เป็นลักษณะของคุณสงกรานต์อยู่แล้ว จึงทำให้การอยู่ร่วมกันเป็นเรื่องที่ง่าย อยู่แล้วสบายใจ และเป็นความลงตัวที่สุด

แต่ชีวิตคู่อย่างไรเสียก็ต้องมีช่วงที่ลิ้นกับฟันมากระทบกันบ้าง แต่ผมก็ยึดหลักง่ายๆ ที่จะทำให้ปัญหานั้นคลี่คลาย นั่นก็คือ “เมียถูกเสมอ” ซึ่งคุณศรีวราเองก็เป็นคนมีเหตุมีผลอยู่แล้ว ถ้าเราเสนอไอเดียแบบที่ถูกต้อง เขาจะเข้าใจ

ชีวิตการแต่งงานกับชีวิตการมีลูกก็คล้ายๆกัน ผมและคุณศรีวราเรายังเชื่อเรื่องการเรียนโรงเรียนประจำ ที่จะทำให้เด็กๆ ช่วยเหลือตัวเองได้ และสามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ ได้ มีความคิดเป็นของตัวเอง เปิดโอกาสให้เลือกเรียนตามสาขาวิชาที่ตนเองชอบ ไม่เคยคิดบังคับให้กลับมาช่วยธุรกิจ ให้อิสระทางความคิด สอนให้รู้จักประหยัด ซื่อสัตย์ และต่อมาเมื่อลูกๆเติบโตขึ้น ก็สอนให้สัมผัสกับพุทธศาสนามากขึ้น

คุณสงกรานต์เล่ามาถึงช่วงท้ายและฝากข้อคิดให้กับการใช้ชีวิตคู่ว่า…เราอาจจะเจอคนที่ถูกใจ คนที่ใช่ แต่ในเรื่องของความคิด แนวคิด หรือเรื่องที่ชอบอาจไม่เหมือนกัน เช่นคนหนึ่งอยากไปวัด อีกคนไม่อยาก ไป หรือเราอยากจะทำแบบนี้ แต่อีกคนไม่อยากทำ ก็อาจจะเกิดปัญหาได้ แต่ผมกับคุณศรีวรา เรามีความคิด แนวคิด และเรื่องที่ชอบคล้ายๆกัน เรื่องการทำงาน การใช้ชีวิตทางสังคม ที่ผมอาจจะออกงานสังคมมากกว่า พบปะสังสรรค์เพื่อนๆมากกว่า แต่คุณศรีวราก็ไม่ได้ว่าอะไร เรามีกลุ่มเพื่อนกัลยาณมิตรที่เป็นเพื่อนกันทั้งครอบครัว ลูกๆก็เป็นเพื่อนรักกัน ไปไหนไปด้วยกัน คุณศรีวรามีกลุ่มเพื่อนวัฒนา ผมก็รู้จักทุกคน และกลุ่มเพื่อนวชิราวุธของผม คุณศรีวราก็รู้จักทุกคนเช่นกัน ซึ่งทุกๆอย่างมันสอดคล้อง อาจจะมีแตกแขนงไปบ้าง แต่สุดท้ายก็ไปด้วยกันได้ดี

“ระหว่างที่เราใช้ชีวิตร่วมกันมากว่า 43 ปี แม้ส่วนใหญ่ชีวิตเราจะเจอเรื่องที่ดีๆ แต่บางครั้งก็ต้องเจอปัญหา เจอวิกฤตบ้างเป็นธรรมดา เราพยายามแก้ปัญหาด้วยกันเสมอ บางคู่เมื่อฝ่ายหนึ่งเกิดปัญหา พยายามควบคุมและประคับประคองสถานการณ์ไว้ แต่อีกฝ่ายกลับสติแตก มันจะเป็นภาระที่เราต้องกังวลหนักขึ้น แต่สำหรับคุณศรีวรานั้น นอกจากจะไม่สติแตกแล้ว ยังสามารถช่วยเราคิดและให้กำลังใจอย่างเต็มที่ คุณศรีวราจึงเป็นคู่คิดที่มีความหมายและสำคัญที่สุดในชีวิตของผม จนผมตั้งใจมอบตำแหน่ง ประธานกรรมการ บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ ให้คุณศรีวราเป็นผู้ดูแล” คุณสงกรานต์กล่าวอย่างอารมณ์ดีปิดท้ายบทสนทนา